06 มิถุนายน 2553

1.ดวงเมืองหลังสงกรานต์ 2550 โดย ปาฏิหารย์

ดวงเมืองหลังสงกรานต์ ยังคงอ่อนไหวไม่แน่นอน ...ต้องจับตา..
หลังวันที่ 21 เม.ย. 2550 นี้แล้ว กรุงเทพมหานครของเราก็จะมีอายุก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 225 ขวบปี ตามหลักโหราศาสตร์จะถือว่าลัคนาจรหรืออายุจร ของดวงเมือง เข้าสู่ราศี กรกฎ ซึ่งเป็นภพที่ 4 ของดวงเมือง อันเป็นภพพันธุ แห่งลัคนาเมือง และส่วนเจ้าเรือนตนุจรปีนี้ นั้น คือดาวจันทร์(๒)สถิตที่ภพพันธุเช่นกัน..
แล้ว..จะเกิดอะไรขึ้น..หลังสงกรานต์ปีนี้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๑ เม.ย.๒๕๕๐ จนถึง วันที่ ๒๐ เม.ย.๒๕๕๑ ช่วงหนึ่งขวบปีต่อจากนี้ไป
ก่อนอื่น..เราจะดูจาก ลัคนาจรของดวงเมืองหรือ ตนุจร(ตัวตนของดวงเมืองหมายถึงรัฐบาล) ปีนี้ ตกภพพันธุ ให้ความหมายทางเหตุการณ์ คือ ผูกพันธุ์ พันธะสัญญา ความต่อเนื่อง
สำหรับ เจ้าเรือนตนุจรปีนี้คือ ดาวจันทร์(๒) ความหมายทางโหราศาสตร์นั้น เป็นไปในทางอ่อนไหว เปลี่ยนแปลงได้ง่าย นุ่มนวล ละเมียดละมัย
ดูจากดวงเมืองแล้ว ในราศีกรกฎ ดาวจันทร์เป็นเกษตร ไม่มีดาวดวงใดกุม หรือเล็งอยู่เลย จึงทำให้แน่ใจได้ว่าดวงเมืองหลังสงกรานต์ปีนี้ (๒๑ เม.ย.๕๐ ถึง ๒๐ เม.ย.๕๑) นั้น จะค่อนข้างอ่อนไหว ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง ส่วนอีกความหมายหนึ่งของดาวจันทร์ นั้น ก็คือตัวแทนของสตรีเพศ ฉะนั้น...แม้นจะเป็นชายก็จะมีลักษณะแนวโน้มทางคุณสมบัติของสตรี คือ นุ่มนวล เรียบร้อย สุภาพ ดังนั้นในช่วงขวบปีนี้ ผู้บริหารประเทศ-รัฐบาล มักจะมีแนวโน้มออกทางนุ่มนวล ชอบประสานงาน มากกว่าประสานงา ดาวจันทร์ยังเป็นธาตุดิน อันหมายถึง ทรัพย์ สินเงินทองเศรษฐกิจ ของราษฎร ทั่วๆไป นั่นหมายถึงเศรษฐกิจของประชาชนทั่วๆไป เริ่มจะมองเห็นแสงสว่างรำไรที่ปลายอุโมงค์
แต่...ยัง..ยังครับ..ยังไม่ใช่ช่วงระยะเวลานี้แน่นอน เพราะ....ดาวเสาร์ยังทับอยู่ในภพพันธุ
โน่น..แหละครับ เลยวันที่ ๑๐ สิงหาคมปีนี้ไปก่อน ทุกอย่างจึงจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ...
ผลกระทบจากดาวใหญ่ ๓ ดวง ต่อดวงเมือง
นักโหราศาสตร์จะดูดวงเมือง จากดาวดวงใหญ่ 3 ดวง คือ..
ดาวพฤหัส(๕) ดาวเสาร์(๗) และดาวราหู(๘)
ทำไม..ต้องดู เฉพาะดาว ๓ ดวงนี้..
ครับ....ดาว ๓ ดวงนี้ เวลาสถิตอยู่ราศีไหนก็ตาม ก็จะกดนิ่ง อยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน จนกระทั่งส่งผลแห่งการกดนิ่งอยู่นั้น ให้ปรากฏเหตุการณ์ จะดีหรือร้าย ก็แล้วแต่ผลแห่งคุณและโทษ ของดาวดวงนั้นๆ ต่อเรือนชะตาในภพนั้น.....
ดาวพฤหัส(๕) ดาวศุภเคราะห์ พระเอกขี่ม้าขาวกำลังติดหล่ม
ดาวพฤหัส( ๕ ) ตกเรือนมรณะ กับดวงเมือง จะทำให้บ้านเมืองวิกฤต นักวิชาการ
คณะรัฐมนตรี กำลังบอดมืดกับความคิดอันสับสนของตนเอง ความคิดที่เคยกระจ่างใสกลับมืดมัวไปด้วยกิเลสของตนเอง และจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ต้องจากไป จากเป็น หรือจากตาย อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ ดวงของแต่ละท่าน
การแก้ปัญหาในช่วงที่ ดาวพฤหัสตกที่เสีย(ทุรสถาน) ในภพมรณะ ต้องแก้ปัญหาด้วยการมองมุมกลับ เคยแก้ปัญหาแบบธรรมดา ลองเปลี่ยนแบบย้อนศรดูบ้างเป็นไร..
ดาวเสาร์ (๗)ดาวแห่ง โทษและทุกข์
ดาวเสาร์ ปีนี้ ทำหน้าที่ปัตนิจร หมายถึงผู้ร่วมงาน ผู้แบ่งเบาภาระ เกาะกุมอยู่ที่เรือนพันธุในราศีกรกฎ ส่งผลให้การปฏิบัติการของข้ารัฐการประจำ เกิดความหาวเรอ อึดอัด ไม่คล่องตัว เนื่องจากความไม่แน่นอนของรัฐบาล
แม้นการเลือกตั้งที่บอกว่าจะมีขึ้นปลายปีนั้น ก็ไม่แน่นอน อาจจะเกิดความขลุกขลัก ล่าช้า... แต่..ดาวเสาร์มีส่วนดีอยู่บ้าง คือดาวแห่งการประหยัด มัธยัสถ์ ทำให้ประชาชนเริ่มรู้จักตนเอง รู้จักการใช้การจ่ายแบบไม่ฟุ่มเฟือย หลังวันที่ ๑๐ สิงหาไปแล้ว ดาวเสาร์ย้ายเข้าเรือนปุตตะ(หมายถึง การเริ่มต้นใหม่) ระบบเศรษฐกิจพอเพียงจะถูกนำมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม ....และจริงจัง..
ดาวราหู(๘) ดาวแห่งความมัวเมา
ดาวราหูปีนี้ทำหน้าที่..เจ้าเรือนมรณะจร เข้าสถิต ภพลาภะ (ลาภผล) ทำให้ประชาชนขาดที่ยึดเหนี่ยว หมดที่พึ่ง หันเข้าหา เรื่องหวย สิ่งศักดิ์สิทธ์ สร้างความหวังลมๆแล้งๆไปวันๆ
ครับ..สิ่งที่ผู้บริหารประเทศ ต้องจดจำไว้คือ..ระบบการเมืองและเศรษฐกิจต้องไปพร้อมๆกัน ระบบการเมืองจะดีได้นั้น ต้องมีระบบเศรษฐกิจที่ มั่นคงก่อน ถ้าประชาชนทุกวันนี้ยัง หงุดหงิดกับ การทำมาหากินที่ ไร้อนาคต หวังลมๆแล้งกับ หวย และพึ่งพิงต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ แล้ว...การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นปลายปีคงเป็นแค่... ละครแก้บน ที่ไม่สามารถทำให้ ประเทศไทยพัฒนาประชาธิปไตยไปได้เลย..

ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com

ลงใน นสพ.โลกวันนี้ วันศุกร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๐

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น