10 ตุลาคม 2553

12.ภพในโหราศาสตร์ไทย

                     12.ภพในโหราศาสตร์ไทย
                เขียนบทความวิเคราะห์เรื่องดวงเมืองมาก็หลายฉบับแล้ว  มีเสียงทักท้วงมาว่า บทความที่เขียนมามีการใช้ศัพท์แสงทางโหราศาสตร์มาก อ่านเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง บางครั้งอ่านแล้ว ก็งง จับต้นชนปลายไม่ถูก  ทำไงดี
                   ครับ..ถ้าได้เรียนรู้พื้นฐานแบบง่ายๆบ้าง  คงจะดีไม่น้อย  จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของนักโหราศาสตร์ ที่ทำนายดวงชะตาเมืองแล้ว  ทำให้เกิดอาการตกอกตกใจ ว่า  เอ..บ้านเมืองมันจะไปไม่รอดแล้วมั้ง. 
                  ว่าตามจริงแล้ว  คนไทยเรามีความผูกพันกับเรื่องโหราศาสตร์ มาเนิ่นนานตั้งแต่โบราณ  มีการก่อตั้งกรมโหร   มีข้าราชการเป็นโหรหลวง  ตำแหน่งถึงระดับพระยาโหราธิปดีเชียวครับ   ถ้าเป็นสมัยนี้ น่าจะเป็นระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง   สำหรับกรมโหร ก็น่าจะตั้งชื่อเป็น  กระทรวงโหราพยากรณ์และการวางฤกษ์ ( คล้องจองกับ กระทรวงเทคโนโลยี่สารสนเทศและการสื่อสาร  พอดี )
                 ถ้าสังเกตดีๆ  ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว  จนถึงรัฐบาลและผู้มีอำนาจสมัยนี้  เรามักจะได้ยินข่าวเสมอๆว่า มีการผูกดวงชะตา  วางฤกษ์ แก้เคล็ด เพื่อทำการใดๆที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศให้รับผลสำเร็จตามที่ตนเองต้องการ  ผู้นำหลายๆท่าน มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านโหราศาสตร์  ฮวงจุ้ย  ติดตามอยู่ข้างกายเสมอ เพื่อแก้เคล็ด และสะเดาะเคราะห์เป็นรายวัน บางครั้งถึงกับบินไปประเทศเพื่อนบ้าน หาหมอดูกันเลยทีเดียว
                  ฉบับนี้ผู้เขียนอยากจะอธิบายถึง  ภพ หรือนักโหราศาสตร์บางท่านเรียกว่า เรือน ก็ความหมายเดียวกันครับ   ภพต่างๆ ที่ทางนักโหราศาสตร์ได้นำมาทำนายกันแบ่งออกเป็น ๑๒ ภพ (สำหรับเรื่องดวงดาวและความหมายของดาวนั้น  ได้เคยเขียนไปเมื่อ ๒ ฉบับก่อนหน้านี้)  จะอธิบายแบบง่ายๆ เพื่อความรู้ และความสนุกสนานในการอ่านต่อไป .
           ภพที่ ๑ เขาเรียกว่า ภพตนุ  ภพที่เริ่มต้น เป็นที่สถิตของลัคนา ในดวงชะตา  ความหมายหลักก็คือ ตัวตนของเราเอง ชีวิตของเจ้าชะตา  วาสนา และพฤติกรรม  ถ้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ ก็จะหมายถึง พื้นฐานของชีวิตเมื่อเกิด  ว่าจะมีภาวะอย่างไร และจะแสดงเหตุการณ์ที่ดำเนินไปในอนาคต  โบราณบอกว่า ดูวาสนาให้ดูที่ภพนี้เป็นหลัก
ในดวงชะตาเมืองก็ให้ถือว่า ภพนี้เป็น รัฐบาล หรือผู้กุมอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศ  
         ภพที่ ๒  เรียกว่า ภพกดุมพะ  ภพที่ ๒ นับจากลัคนา นับทวนเข็มนาฬิกา  ความหมายหลักก็คือ  เรื่องการเงิน ทรัพย์สิน สมบัติ ฐานะ รายได้ หรือรายจ่าย
ถ้าเกี่ยวกับเหตุการณ์  จะหมายถึง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การลงทุน การได้มาของทรัพย์สิน สมบัติ  หรือ เหตุการณ์ที่ได้มา หรือเสียไปของทรัพย์สิน สมบัติ ส่วนในดวงชะตาเมืองก็จะหมายถึงกระทรวงการคลัง  ธนาคารชาติ  ตลาดหุ้น  ตลาดเงินตรา ต่างๆ
นักเล่นหุ้นต้องสังเกตและจดจำภพนี้ให้ดี ภาวะการณ์ขึ้นลงของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จะร่วงดิ่งลงเหว  หรือพุ่งขึ้น  ก็ดูภพนี้เป็นหลักครับ     
       ภพที่ ๓  เรียกว่า ภพสหัสชะ  ภพที่ ๓ จากลัคนา  ความหมายหลักๆ ก็คือ  เพื่อน สังคม การตกลง การติดต่อ นัดหมาย  ข่าวคราว การเดินทางระยะใกล้  การปรับปรุง แก้ไข  การเจรจา  ถ้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ ก็จะหมายถึง ความเป็นมิตร ความร่วมมือ สมานฉันท์  ความเห็นอกเห็นใจ การแลกเปลี่ยน ประสานผลประโยชน์ ในดวงชะตาเมืองก็จะหมายถึง  ความสมานฉันท์  เอื้ออาทร  การจับกลุ่มของพรรคการเมือง ยังหมายถึงหนังสือพิมพ์ นักหนังสือพิมพ์ และสิ่งพิมพ์โฆษณา เช่น การโฆษณาเชิญชวนให้ลงประชามติ รับร่างรัฐธรรมนูญ 
           ต้องชมครับ  ฝ่ายโหราศาสตร์ของรัฐบาล พยายามออกมาปูทางโฆษณาให้ชาวบ้านไปลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ ๒๕๕๐ ในช่วงนี้พอดี   ซึ่งวันที่  ๖ กรกฏาคมนี้ ดาวพุธ(๔) เดินเข้าภพ สหัสชะ เป็นเกษตร(หมายถึงมั่นคง แน่นอน)
คงคาดหวังว่า ประชาชนจะเกิดความเห็นอกเห็นใจรัฐบาล  และลงประชามติให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องผ่านอย่างแน่นอน.
           เนื้อที่หมดพอดี  ฉบับหน้า มาต่อกันใหม่ครับ.

ปาฏิหาริย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น