06 มิถุนายน 2553

10. ดาวพฤหัส เดินถอยหลัง..นักวิชาการถอยลงคลอง.!

10. ดาวพฤหัส เดินถอยหลัง..นักวิชาการถอยลงคลอง.!
ยศศักดิ์ ทายอาทิตย์(๑)
รูปร่างจริต ทายจันทร์(๒)
แข็งกล้าขยัน ทายอังคาร(๓)
เจรจาอ่อนหวาน ทายพุธ(๔)
ปัญญาพิสุทธิ์ ทายพฤหัส(๕)
กิเลส สมบัติ ทายศุกร์(๖)
โทษ ทุกข์ ทายเสาร์(๗)
มัวเมา ทายราหู(๘)
อายุยืนอยู่ ทายเกตุ(๙)
ภัยอาเพศ ทายมฤตยู(๐)
คำกลอนนี้ ได้มีการท่องจำกันมาตลอดสำหรับนักโหราศาสตร์ทั่วไปที่เริ่มเรียนรู้ทางโหราศาสตร์ขั้นพื้นฐาน มีดาวอยู่สิบดวงในระบบโหราศาสตร์ไทย ที่จะต้องเรียนรู้
วันนี้อยากจะพูดถึง ดาวพฤหัส(๕)ก่อน เพราะดาวพฤหัส(๕) ความหมายทั่วไป หมายถึง ปัญญาชน ขยายความออกไปอีก คือ บุคคลระดับผู้ทรงภูมิปัญญา นักวิชาการ พระเกจิสงฆ์ ตุลาการ ครูบาอาจารย์ สสร. คตส. ระยะเวลานี้ ดาวพฤหัส(๕) กำลังเดินถอยหลังในเรือนมรณะของดวงเมือง (เรือนมรณะในความหมายของโหร คือ ความชำรุด ความเสื่อมถอย ความตาย วามตกต่ำ) ทำให้เกิดปัญหาและความขัดแย้งมากมายในหมู่นักวิชาการ และผู้ทรงภูมิปัญญา สังเกตได้จาก ระยะนี้ จะมีทั้งความขัดแย้งกัน เรื่องไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าทั้ง การยกร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างนายวิเชียร อำนาจวรประเสริฐ กับ นายการรุณ ใสงาม หรือกระทั่ง ด้านศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็มีปัญหาเรื่องการวิ่งเต้นให้สินบนคดียุบพรรคการเมือง พระสงฆ์องค์เจ้า กำลังประท้วง อดอาหารให้บรรจุพุทธศาสนา ลงในรัฐธรรมนูญ สารพันปัญหาที่เกิดกับบุคคลประเภทดาวพฤหัส(๕) ก็สืบเนื่องมาจากการเดินถอยหลังของดาวดังกล่าว การเดินถอยหลังนั้น ก่อให้เกิดปัญญาที่มืดทึบ เห็นผิดเป็นชอบ ของผู้ทรงภูมิทั้งหลาย ที่ต่างเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง ไม่ฟังความคิดของผู้อื่น เหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาไป จนถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ดาวพฤหัส(๕) เริ่มเดินขึ้นหน้า เหตุการณ์จะค่อยๆคลี่คลายไปในทางที่ดี จวบจนถึงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ดาวพฤหัส(๕) ย้ายไปเรือนศุภะ (เรือนแห่งความหวังความราบรื่น ความเกื้อกูล เป็นสุข) ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น
เริ่มเห็นคูหาเลือกตั้งอยู่รางๆ
สำหรับดาวอังคาร(๓) เข้าราศีเมษ อันเป็นเกษตรแห่งเรือนตน (เกษตร หมายถึงความแข็งแรงมั่นคง เชื่อมั่น)ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มิถุนายน ระยะนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่ม อำนาจทาง คมช. เกิดความฮึกเหิม เชื่อมั่นในอำนาจตนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องแทงกั้กอีกต่อไป เปิดหน้าไพ่เล่นกันตรงๆกับกลุ่มอำนาจเก่า ทั้งรุกและทิ่มแทงสารพัดเพื่อกวาดล้างอำนาจเก่าให้หมดไป หักหอกที่จะหวนกับมาทิ่มแทงตนเองทิ้ง แต่ต้องระวังอยู่อย่างหนึ่ง การเสพติดในอำนาจไม่เคยให้คุณแก่ใคร และอำนาจจะไม่อยู่กับคนผู้นั้นตลอดไป ถ้าอำนาจนั้นได้มาจากปากกระบอกปืน
ดาวอังคาร(๓) จะออกจากราศีเมษ หลังจากวันที่ ๒๘ กรกฎาคมนี้ และเป็นปรเกษตรในเรือนกดุมพะ(ปรเกษตรในความหมายของโหรคือ ความไม่มั่นคง อ่อนแอ ขาดพลัง) กลุ่มอำนาจทหารจะพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึงจากผู้อ่อนวัยกว่า จะเกิดความขัดแย้งด้านอำนาจและผลประโยชน์ (กดุมพะหมายถึงผลประโยชน์ อำนาจและเงินทอง) ช่วงนี้กลุ่มอำนาจทหารจะอ่อนแอ เกิดภาวะขัดแย้ง จะไปสิ้นสุด วันที่ ๑๕ กันยายน เมื่อดาวอังคาร(๓) ย้ายเข้าเรือนสหัสชะ (เรือนสหัสชะ คือ การประสานผลประโยชน์ ความร่วมมือ การเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงแก้ไข ) ความหมายคือ ฝ่ายกลุ่มอำนาจทหารประสานผลประโยชน์กันเองเรียบร้อยแล้ว ก็จะร่วมมือกับฝ่ายนักการเมือง (ขั้วไหนพรรคไหนไปลองนึกกันเอาเอง) เพื่อต่อท่ออำนาจในการบริหารบ้านเมืองต่อไป.
ราชสีห์คบกับหมาจิ้งจอก ต้อนไก่กิน - ประชาชนอย่างเราก็เป็นไก่อยู่วันยังค่ำ
เวรกรรมก็จะตกกับประชาชนตาดำๆต่อไป การค้า ธุรกิจ เศรษฐกิจ ก็จะดิ่งลงเหว “การทำมา ค้าไม่ขึ้น ในยุค คมช.” ก็จะเป็นคำเล่าขานต่อไปอีกเนิ่นนาน..!! เฮ้อ...


ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com
มิย.2550

9. โหราศาสตร์....กับการเมืองไทย

9. โหราศาสตร์....กับการเมืองไทย
“เสนา..เจ้าจงไปตามราชครู-ปุโรหิต มาพบข้าเดี๋ยวนี้.!” เจ้าเมืองที่แสดงในลิเกมักจะเรียกหาราชครู-ปุโรหิต ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่ทรงภูมิ ทางด้านโหราศาสตร์ประจำราชสำนัก มาพบหาทุกครั้งที่จะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญๆ
คงเช่นเดียวกันกับผู้มีอำนาจในยุคปัจจุบัน การตัดสินใจครั้งสำคัญ ไม่ว่าการปฏิวัติ รัฐประหารทุกครั้งของบ้านเมืองเรา มักใช้บริการของนักโหราศาสตร์เป็นประจำในการหาฤกษ์ยามเพื่อทำการปฏิวัติ ฝ่ายต่อต้านก็จะอาศัยโหรอีกสำนัก เพื่อหาฤกษ์ออกอาวุธในการป้องกัน หลายครั้งหลายหนที่บ้านเมืองเรามีเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งสำคัญ มักจะมีการเปิดเผยภายหลังว่ามีการหาฤกษ์ วางลัคนาหาเวลาในการปฏิบัติการ เร็วๆนี้ก็เช่นกัน การไปพบ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ร่างทรงฤษี หมอดูเจ้าสำนักสุขิโต จ.เชียงใหม่ ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน (น.ส.พ.ไทยรัฐ ๙ มิ.ย.) เพื่อแก้ไขและเสดาะเคราะห์ดวงชะตาเมือง ในเวลาเดียวกันกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ก็ไปพบ นายวารินทร์ เช่นกัน เพื่อหาทางออกที่ได้เปรียบทางด้านโหราศาสตร์
การต่อสู้ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน นอกจากจะสู้กันด้วยไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม กลยุทธทางการเมืองแล้ว ยังต่อสู้กันทางด้านไสยศาสตร์ ไสยเวทย์ในทางลับด้วย เหตุการณ์ปี ๒๕๔๙ช่วงที่พันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยนำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล กำลังต่อสู้กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เชื่อว่า..มีการใช้ไสยเวทย์ ฝังรูปฝังรอยในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ทั้งยังมีการเผาพริกเผาเกลือ เผาหุ่น สาปแช่งคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเอาจริงเอาจัง ซึ่งผู้ที่เชื่อถือทางด้านนี้ ก็จะทึกทักว่า เกิดเป็นจริงจังตามที่ได้กระทำไว้ แม้นกระทั่งตัวนายสนธิเอง เวลาขึ้นบนเวที ก็จะห้อยพระเครื่องพวงใหญ่ ผูกตะกรุดที่เอวเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจและเชื่อว่าคงกระพัน.
ครับ..นี่คือสังคม และการเมืองแบบไทยๆของเรา ที่ยังยึดถือความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ ที่ซึมลึกอยู่ภายใต้สมองของเรามาตั้งแต่โบราณ
โหราศาสตร์นั้นเป็นวิทยาศาสตร์ในระดับหนึ่งตามที่ผู้เขียนเคยกล่าวไว้ในฉบับวันศุกร์ที่แล้ว คือเกิดจาการสังเกต จดจำ ช่วงที่ดวงดาวโคจรไปในภพเรือนต่างๆ เกิดเหตุการณ์อะไรที่สำคัญๆจึงบันทึกไว้ แล้วนำมาจดเป็นตำราไว้ให้นักโหราศาสตร์รุ่นหลังๆได้นำมาทำนาย วิธีทางโหราศาสตร์ไม่สามารถนำมาแก้ดวงชะตาเมืองได้ เพราะถ้าแก้ให้ได้ หมายถึงต้องนั่งเครื่อง ไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปในอดีตแล้วเปลี่ยน วัน เวลา ฤกษ์ผา นาที ในการก่อตั้งกรุงเทพฯมหานครเสียใหม่.
คำทำนายทางโหราศาสตร์นั้นความจริงแล้ว คล้ายกับโคมไฟใหญ่หน้ารถยนต์ที่ส่องสว่างให้เห็นทางด้านหน้าในยามค่ำคืน ส่องให้เห็นทางด้านหน้ามีสิ่งอะไรกีดขวางอยู่บ้าง ให้เห็นด้านซ้ายเป็นเหว ด้านขวาเป็นภูเขา ให้เห็นหนทางที่คตเคี้ยวอยู่เบื้องหน้า เมื่อมีไฟส่องทางแล้วเราสามารถขับรถผ่านไปได้ โดยไม่ตกเหว หรือชนภูเขา ถ้ารู้จักนำมาใช้โดยไม่งมงาย ย่อมเป็นสิ่งที่ดี การรู้จังหวะของชีวิต และบ้านเมือง ทำให้เราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่ ไม่เกิดผลดีแก่ตัวเรา และบ้านเมืองได้ เช่นในช่วงเวลานี้ ดวงชะตาเมืองของเรา ดาวพฤหัส(๕)(หมายถึงปัญญาพิสุทธ์) กำลังเดินถอยหลังในเรือนมรณะ ทั้งตุลาการ คตส. สสร. สนช. พระสงฆ์ และนักวิชาการต่างๆกำลังมืดบอดอยู่กับปัญญา และความคิดที่คับแคบ ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ และที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง วันที่ ๑๗ มิ.ย. นี้ ดาวอังคาร(๓)(ดาวอังคาร หมายถึงกลุ่มอำนาจทหาร) ที่หลบอยู่หลังลัคนาเมืองมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง บัดนี้ได้เวลาที่จะออกมาสำแดงพลังแล้วครับท่าน.. ดาวอังคาร(๓) เริ่มเข้าทับลัคนาเมืองอย่างเต็มตัว และยังเป็นเกษตรในเรือนของตัวเอง ( เกษตรในความหมายของโหราศาสตร์ หมายถึงมั่นคง เข้มแข็ง ต่อเนื่อง ) ทุกฝ่ายเริ่มเปิดหน้า เปิดตา เลิกเป็นอีแอบ ชกกันตรงๆจะจะ จากวันที่ ๑๗ มิ.ย.นี้เป็นต้นไป ดวงชะตาเมืองอ่อนแอ ต้องระวังความรุนแรง อาจจะไม่มีการเลือกตั้ง จลาจล การทำลายล้าง ปฏิวัติเงียบ จะตามมา..
จับตามองนักโหราศาสตร์ คนสำคัญเอาไว้ ไม่แน่..เผื่อตอนนี้อาจจะมีบางกลุ่มอำนาจไปขอฤกษ์ปฏิวัติแล้วก็เป็นไปได้..!!


ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com
มิ.ย.2550

8. นายกคนใหม่....อภิสิทธิ์ ..? สนธิ ..!?

8. นายกคนใหม่....อภิสิทธิ์ ..? สนธิ ..!?
จบไปแล้วอย่างไม่แฮปปี้เอนดิ้งนัก แถมยังมีภาคพิสดารบู๊ปนโศก ให้ดูยาวๆเป็นหนังอินเดียอีกหลายภาคสำหรับกรณียุบพรรคไทยรักไทย เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เชิญท่านคอการเมืองทัศนากันเอาเองก็แล้วกันนะครับ
เอแบคโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ใน 15 จังหวัดของประเทศ 3,189 ตัวอย่าง สำรวจระหว่างวันที่ 31 พ.ค. – 2 มิย. ที่ผ่านมา พบว่าตัวอย่างร้อยละ 46.7 อยากให้มีการเลือกตั้ง ไม่เกิน 3 เดือนนับจากนี้ไป ขณะที่ ร้อยละ 38.1 ต้องการให้มีการเลือกตั้งภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า และร้อยละ 15.2 อยากให้มีการเลือกตั้ง หลังช่วงปีใหม่ไปแล้ว
สำหรับผู้เขียนวันนี้อยากจะคุยถึงเรื่องดวงนายกคนต่อไปของเมืองไทย ถ้ามีการเลือกตั้งนะครับ
ดวงชะตาเมืองที่นักโหราศาสตร์ส่วนใหญ่นำมาพิจารณาทำนาย คือดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ เวลา ๐๖.๕๔ น. ผู้เขียนจะไม่กล่าวถึงเรื่องพื้นดวงของชะตาเมือง เพราะมีนักโหราศาสตร์ ทำนายไว้มากแล้ว แต่จะพูดถึง ลัคนาจรของดวงเมือง ซึ่งมีอายุเต็มครบ ๒๒๕ ปีพอดีในเดือน เม.ย.ปี ๒๕๕๐ ที่ผ่านมานี้ ซึ่งมีลัคนาจรสถิตที่ราศีกรกฎ อันมีดาวจันทร์เป็นเจ้าเรือนตนุลักษณ์ อันดาวจันทร์ (๒)นั้น ถ้าหมายถึงบุคคล จะมีบุคลิคที่ค่อนข้าง เป็นไปในทาง อ่อนไหว เปลี่ยนแปลงได้ง่าย นุ่มนวล ละเมียดละมัย ส่วนอีกความหมายหนึ่งของดาวจันทร์(๒) นั้น ก็คือตัวแทนของสตรีเพศ ฉะนั้น...แม้นจะเป็นชายก็จะมีลักษณะแนวโน้มทางคุณสมบัติของสตรี คือ นุ่มนวล เรียบร้อย สุภาพ ชอบที่จะสมานฉันท์ ในเรื่องต่างๆ ก็คือนายกคนปัจจุบัน.
นักโหราศาสตร์โดยทั่วไป การดูดวงชะตานั้นอาศัยหลักสถิติ การจดบันทึกจากโบราณ ผ่านกาลเวลามา เนิ่นนาน จนเห็นเป็นจริงแล้วจึงบันทึกเป็นตำราให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ถามว่าทุกประการของการทำนายนั้นแม่นยำ ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ ในฐานะที่เรียนรู้เรื่องโหราศาสตร์มาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี ขอตอบตามตรงว่า อยู่ที่ประสบการณ์การทำนาย เพราะถ้าเปรียบเทียบ นักโหราศาสตร์ คือคนที่นั่งอยู่ในบ้านมองเหตุการณ์หน้าบ้านผ่านประตูกระจกฝ้าหนา ทราบเพียงว่า หน้าประตูบ้าน ขณะนี้มีเงาคนมาหา แต่เป็นใคร ชายหรือหญิง เด็กหรือชราก็พอรู้บ้าง แต่จะให้รู้ว่าหน้าตาเป็นแบบไหน มีรายละเอียด อย่างไรบ้าง เป็นคนร้ายหรือคนดี คงตอบได้ยาก เช่นกันกับดวงการเมืองไทย การทายดวงเมืองนั้นนักโหราศาสตร์สามารถทำนายหลักใหญ่ๆได้แน่นอน เช่นจะเกิดเรื่องยุ่งยาก จะมีเหตุการณ์รุนแรงในช่วงระยะเวลานั้น เวลานี้ แต่คงไม่สามารถลงไปในรายละเอียดได้มากมายนัก ยิ่งดวงเมืองนั้นหมายรวมถึงประชาชนหมู่มาก ก็ยิ่งยากที่จะทำนายให้ถูกต้องแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะตัวแปรมีมากมาย ดังเรื่องดวงของนายกคนต่อไป ดูจากดวงเมืองแล้วความหมายของดาวจันทร์(๒) ซึ่งมีคุณสมบัติดังที่กล่าวไว้ข้างต้น จะสามรถจำกัดตัวละครได้แค่ไม่กี่คน คนที่ต้องจับตามอง ตามคุณสมบัติของดาวจันทร์(๒)คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน ถ้ามีการเลือกตั้งไม่เกินเดือน มีนาคม ปี ๒๕๕๑ แต่ถ้าการเลือกตั้งมีขึ้นหลังจากวันที่ ๒๑ เมษายน พศ. ๒๕๕๑ แล้ว ดวงเมืองตอนนั้นจะเปลี่ยนไปจากลัคนาจรราศีกรกฎของดวงเมือง ไปสถิตที่ราศี สิงห์ ในปีหน้า สำหรับราศีสิงห์นั้นถ้าความหมายถึงบุคคล จะเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติของราศีสิงห์อันมีดาวอาทิตย์(๑)เป็นเจ้าเรือน คือ มีเกียรติ มีอำนาจ ท่าทางเข้มแข็งจริงจัง ลักษณะสง่า องอาจ น่าจะมีผิวคลำ มาจากฝ่ายที่ไม่ใช่นัการเมือง จะเป็นพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หรือ จะเป็นข้าราชการระดับสูงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็เป็นไปได้.
แต่ที่สำคัญที่สุด..ช่วงเดือน มิ.ย.นี้ดวงเมืองอ่อนแอเหลือเกิน การเลือกตั้งจะมีขึ้นช้าหรือเร็วนั้น จะตรงกับวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๐ ตามที่ รัฐบาลกำหนดไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่การจัดการกับวิกฤตการที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ให้บานปลายออกไป และสามารถที่จะทำให้ทุกฝ่ายหันกลับเข้ามาสู่ระบอบประชาธิปไตยได้เร็วเพียงใด ดึงให้ฝ่ายที่ถูกประหัตประหารทางการเมืองกลับมาร่วมสังฆกรรมได้หรือไม่ ย่อมเป็นสิ่งที่ คมช. และรัฐบาลต้องขบคิด เร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป..!!


ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com
มิย.2550

7. ยุบพรรค...บทเริ่มต้นของจุดเปลี่ยน

7. ยุบพรรค...บทเริ่มต้นของจุดเปลี่ยน

เป็นไปตามคาดหมาย พรรคไทยรักไทยโดนยุบไปตามระเบียบ ตามธงที่ตั้งกันเอาไว้ คงเหลือไว้แต่พรรคประชาธิปัตย์พรรคเก่าแก่ที่รอดพ้นมาได้แบบสบายๆ นับแต่นี้ไป เราน่าจะได้เห็นการเลือกตั้ง ที่เป็นแบบประชาธิปไตยจริงๆเสียที ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเราไม่เหมือนที่ใดในโลกจริงๆ เรามีพระสยามเทวาธิราช ที่คอยปกป้องบ้านเมือง เรามีพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นมิ่งขวัญของประชาราษฎร์ ที่ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดในโลกที่เทียบเทียมได้ ทรงห่วงใยอาณาประชาราษฎร์ของพระองค์ดุจดังบุตรหลาน ยามใดที่มีท่าทีว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ประชาชนเกิดความขัดแย้ง ก็ทรงขจัดปัดเป่าภัยยันตรายเหล่านั้นให้เหือดหายไป
ที่ผ่านมาโหรหลายสำนัก ลงความเห็นและมักจะทำนายไปในทางที่เลวร้ายเกือบทั้งสิ้น ซึ่งจริงๆแล้ว เหตุการณ์ตามดวงดาวมันก็น่าจะเป็นจริงตามนั้น แต่ด้วยพระบารมี ของในหลวงทำให้เหตุการณ์ลดความรุนแรงลงอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
เบื้องหลังดวงเมืองนั้น..เป็นอย่างไร..
จากการที่ผู้เขียนได้วิเคราะห์ดวงเมือง ตั้งแต่วันที่ ๘ พ.ค.ที่ผ่านมา ดาวอังคาร(๓) ตัวแทนกลุ่มอำนาจทางทหารเข้าสู่เรือนวินาสน์ ของดวงเมือง (วินาสน์ หมายถึง เบื้องหลังหรือลับๆ) มาวันนี้เราคงได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่เป็นจริงตามคาด ต้องระวังการต่อต้านที่จะรุนแรงขึ้นจากผู้ที่ถูกประหารทางการเมือง
วันที่ ๔ มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ดาวเกตุ (๙) ตัวแทนของจิตวิญญาณของดวงเมืองจะเข้าสู่เรือนวินาสน์อีกเช่นกัน แล้วอะไรจะเกิดขึ้น หากดาวเกตุ (๙)นั้นตามหลักโหราศาสตร์ หมายถึงวิญญาณธาตุ เป็นดาวที่ไม่มีตัวตนมักจะเป็นดาวที่เพิ่มพลังให้แก่ดาวที่ร่วมราศี คือดาวอังคาร(๓) คงไม่ต้องแปลความหมายให้วุ่นวาย
แต่จะยกเอาเกร็ดการพยากรณ์ดาวกระทบกันของโหราจารย์ แต่โบราณมาให้ดูกัน
ดวงเมืองของเรานั้น ลัคนาสถิตราศีเมษ มีดาวอาทิตย์(๑)กุมลัคน์อยู่ สำหรับในเรือนวินาสน์ของดวงเมืองคือภพที่อยู่หลังลัคนานั้น มีดาวพุธ(๔) ดาวศุกร์ (๖) และดาวราหู(๘) สถิตอยู่
ตั้งแต่วันที่ ๘ เมษายน ถึงวันที่ ๓ พฤษภาคม ปีนี้ ดาวเกตุ(๙) ย้ายเข้าทับลัคนาดวงเมือง.
ตำราบอกไว้ว่า..
ดาวเกตุ(๙) ทับลัคน์ และกระทบดาวอาทิตย์(๑) ของดวงเมือง มักเกิดเหตุไม่ค่อยดี วุ่นๆ ขลุกขลัก ร้อนใจ โกลาหล ผู้หลัก ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เกิดความปริวิตก
สำหรับวันที่ ๔ มิถุนายนที่จะถึงนี้ ดาวเกตุ (๙)ย้ายเข้าเรือนวินาสน์กระทบกับดาวดังต่อไปนี้.
ดาวเกตุ(๙) กระทบดาวศุกร์(๖) จะขบคิดปัญหาบางอย่างออก หรือได้รับรู้ในสิ่งไม่เคยรู้
ดาวเกตุ(๙) กระทบดาวพุธ(๔) จะหลงทาง หรือหาของไม่พบ เกิดความงงงวย
ดาวเกตุ(๙) กระทบดาวราหู(๘) จะไปในถิ่นที่แปลกๆ หรือ คนเก่าๆจะกลับมา
เพื่อให้เห็นภาพ อยากจะย้อยกลับไปอีกหน่อย คือ ตั้งแต่วันที่ ๘ พ.ค.เดือนที่แล้ว ดาวอังคาร(๓) เข้าเรือนวินาสน์ กระทบดาวราหู(๘)เดิมในดวงเมือง
ตำราเก่าบอกไว้ว่า.. “ภุมมะราหู เร่งระวังดู จะวิวาทบาดใจ หลายศัตรูโสดสูญ เพิ่มพูนอันตราย ดุจไกรสรผาย ผจญแพ้แก่หมู่หมู”
การตัดสินยุบพรรคการเมืองของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับแม้นจะมีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยก็ตาม.
สิ่งที่อยากจะเห็นคือ เพื่อลดกระแสความกดดันหลังจากที่มีการตัดสินยุบพรรคการเมืองแล้ว ทางคมช.น่าจะเปิดช่องหาทางออกให้แก่กลุ่มผู้ถูกประหารทางการเมืองให้มีทางออกทางด้านการเมือง โดยยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ ๒๕ และ๒๗ ให้กลุ่มการเมืองและประชาชนฝ่ายต่างๆ สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ เป็นการเปิดช่องทางระบายกระแสแรงกดดันต่างๆให้ลดน้อยลง จะได้ไม่เกิดการต่อต้านที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง อันจะนำไปสู่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นอีก และต้องคำนึงถึง “ภุมมะราหู เร่งระวังดู จะวิวาทบาดใจ หลายศัตรูโสดสูญ เพิ่มพูนอันตราย ดุจไกรสรผาย ผจญแพ้แก่หมู่หมู”
โศลกของโหรโบราณ มักไม่เคยผิดพลาด..!!

ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com
พค.2550

6.ยุบพรรค...!! สถานการณ์ร้อนที่ต้องจับตา

6. ยุบพรรค...!! สถานการณ์ร้อนที่ต้องจับตา

ปลายเดือนนี้หลังจากวันที่ 30 พค. เราคงจะได้รู้ว่า พรรคใดจะโดนยุบ ซึ่งตุลาการรัฐธรรมนูญ คงจะตัดสินว่าจะมีการยุบพรรคใหญ่หรือไม่ เป็นความระทึกใจของคอการเมืองคงได้ซู๊ดปากกันอย่างเมามัน และใจจดใจจ่อ
ดวงเมืองของเราช่วงนี้มองแล้ว มีหลายจุดที่ น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง
จุดแรก...ที่ต้องพิจารณาคือ..วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ดาวอังคาร(๓) ซึ่งคือตัวแทนของทหารเข้าสู่เรือนวินาส (หมายถึง เบื้องหลัง,ซ่อนเร้น)ได้ตำแหน่งจุลจักร(โหรบางท่านเรียกตำแหน่งนี้ว่าบรรลัยจักร) จะสังเกตได้ว่า ขุนทหารทั้งหลายเริ่ม ใช้ตัวแทนในการดำเนินการ กดดันรัฐบาลแบบลับๆ ส่วนหัวของขุมอำนาจเองเริ่ม สงวนถ้อยคำ ไม่ออกมาชี้ชัดเรื่องราวต่างๆ แต่จะมีการเตรียมพร้อมแบบลับๆ พร้อมที่จะดำเนินการอะไรก็ได้ที่ ลดความเสียเปรียบทางด้านการเมือง และสถานะของตนเอง จับตา พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณีไว้ให้ดี
จุดที่สอง.. ดาวการเงินจร คือดาวอาทิตย์(๑) จรเข้าเรือนกดุมพะ คงได้เห็นแล้วว่า รัฐบาล เริ่ม หว่านเงินออกมาเพื่อ เอาใจประชาชน ตามที่เคยทำนายไปแล้วว่าจะมีการใช้เงินออกมาจากทางการเพื่อ ลดความกดดันจากภาคประชาชนและม็อบกลุ่มต่างๆ นี่..คงเป็นการสำแดงพลังตามสภาพของดวงดาวที่ดาวอาทิตย์(๑)เจ้าเรือนกดุมพะจร(การเงิน)เข้าเรือน กดุมพะเดิม และมีตำแหน่งเป็นอุจจ์ (หมายถึง สูงสุด,จำนวนมากๆ)
จุดที่สาม.. วันที่ ๒๕ พ.ค. ดาวพุธ(๔) เดินมณฑ์ (หมายถึงเดินช้า ,หยุดนิ่ง,ถอยหลัง) ในเรือนสุหัสชะ(หมายถึงการติดต่อ,ส่วนรวม,ประชาสังคม) ระวังเรื่องข่าวสารต่างๆ ทั้ง น.ส.พ. และทีวีบางช่องจะมีปัญหา ไม่โดนปิด ก็โดนยุบ หรือโดนปิดข่าว ทั้งจะมีความสับสนเรื่องข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิด และนำไปสู่วิกฤติการณ์ไม่พึงควร
จุดที่สี่.. วันที่ ๓๐ พ.ค. ดาวจันทร์(๒) เจ้าเรือนตนุ เข้าเรือนมรณะ( หมายถึง ความตาย,ผู้ที่อยู่แดนไกล)ของดวงเมือง ทับดาวพฤหัส(๕)ซึ่งเป็นคู่ศัตรู จะมีการดึงเอาผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมาจมจ่อมอยู่ในวังวนของอำนาจ จะทำให้เกิดความสับสนและปั่นป่วน ในกลุ่มผู้มีอำนาจ ของบ้านเมืองโดยรวม การจลาจล และการปฏิวัติซ้อน จะทำให้ประเทศชาติ พังพินาศ ระวังเศรษฐกิจจะหยุดชะงัก
สิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง บ้านเมืองมิใช่เป็นของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ต้องประคับประคองให้ดี เพราะที่ผ่านมา บ้านเมืองบอบช้ำพอแล้ว เกมแห่งอำนาจ ไม่เคยให้คุณแก่ใคร ไม่ว่า ทหาร รัฐบาล ตุลาการและนักการเมือง การยุบพรรคเป็นกรณีหนึ่งที่ สามารถก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง
อย่าลืม...หลักทางรัฐศาสตร์ ก็มีความสำคัญยิ่ง ในการปกครองประเทศ ทางออกที่ดีที่สุด สำหรับศาลรัฐธรรมนูญ การวินิจฉัยคดียุบพรรค ต้องอาศัยหลักนิติธรรม อิงสถานการณ์จริง เพื่อให้ประเทศชาติได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และเป็นคุณมากที่สุด สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ระยะนี้ดาวพฤหัส(๕)(ดาวพฤหัส คือตัวแทนของ ศาล,ตุลาการ,นักวิชาการ,ผู้หลักผู้ใหญ่) กำลังเดินถอยหลังในเรือนมรณะ ของดวงเมือง ทำให้ตุลาการ นักวิชาการ มีการวินิจฉัยที่ผิดพลาด ระวังจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง
หากเหตุการณ์บานปลายไปถึงขั้นวิกฤติ ...
นักลงทุน คงหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านของเราแทน
สำหรับนักท่องเที่ยว คงไม่มาเสี่ยงภัย กับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในบ้านเมืองแบบนี้
และ..ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากสุดคงไม่มีใครเกิน ประชาชนตาดำๆ ที่นั่งมอง เขาเล่นเกมแห่งอำนาจกัน โดยไม่มีส่วนได้ มีแต่ส่วนเสียเท่านั้น..!!
สุดท้าย..ประเทศไทยคงต้องเริ่มไปพัฒนาประชาธิปไตยกันใหม่ หลังจากที่เราเดินทางมาแล้วถึง ๗๕ ปี ...!!

ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com

พค.2550

5.การศึกษาไทย...การแข่งขันที่ไม่มีทางชนะ

5. การศึกษาไทย..การแข่งขันที่ไม่มีทางชนะ
อ่านข่าวเด็กนักเรียน จ.เชียงราย เรียนดี แต่สอบไม่ติดมหาวิทยาลัยที่ตนเองตั้งใจ จึงตัดสินใจผูกคอตาย ครับ..อ่านแล้ว เศร้าใจจริงๆ และขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวของน้องด้วยครับ..
ครับ..นี่คือผลสืบเนื่องมาจากระบบการศึกษาของไทยเรา ที่หลายสิบปีหลังมานี้ไม่เคยที่จะปลูกฝังธรรมะ และความพอเพียงให้แก่เด็กของเราเลย ทั้งยังไม่เคยให้เด็กของเราได้เรียน รู้ทุกข์ รู้สุข รู้สมาธิ มีแต่เร่งให้เรียนๆ เพื่อการสอบแข่งขันเท่านั้น.
การเรียนรู้ของเด็กนักเรียนในปัจจุบัน ทุกโรงเรียนมักจะกวดขันแต่วิชาการ ให้มีการแข่งขันด้านวิชาการเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้านจริยธรรม ศีลธรรมมักจะมองข้าม ไม่ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ ไม่เคยปลูกฝังให้เด็ก รู้จักสุข รู้จักทุกข์ รู้จักความผิดหวัง และรู้จักเพียงพอ ในสิ่งที่ตนพึงมี พึงได้
ที่สำคัญ.. สังคมไทยของเราปัจจุบันนี้ มักจะนับถือ บูชาแต่ผู้มีเงิน ใครมีอาชีพที่ดีกว่าย่อมได้เปรียบคนอื่นในสังคม เมื่อมีอาชีพที่ดีกว่าแล้ว ย่อมสามารถหาเงินได้ง่าย และมากกว่า อาชีพหมอ วิศวกร เป็นอาชีพที่สามารถหาเงินได้ง่ายกว่าอาชีพอื่นๆ และถ้ายิ่งจบจากสถาบันดังๆแล้ว ก็เป็นที่ต้องการของสังคม มีการว่าจ้างด้วยเงินเดือนสูงๆ เป็นสิ่งล่อใจ ทำให้เกิดการแข่งขัน ที่ทวีความเข้มข้นขึ้นไปอีก สังเกตจากผู้ที่จบแพทย์มาใหม่ๆ ธนาคารจะให้เงินกู้เพื่อเปิดคลินิก หรือสถานพยาบาลโดยแทบไม่ต้องมีหลักทรัพย์ในการค้ำประกันเลย สำหรับผู้ที่จบด้านวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยดังๆ ก็จะมีบริษัทใหญ่ๆมาคอยรอรับเข้าทำงานเลย
นี่คงเป็นเหตุให้ พ่อ แม่ ผู้ปกครองเด็ก ตั้งหน้าตั้งตา จัดการให้ลูกของตนเข้าเรียนโรงเรียนดีๆ แย่งชิงกันตั้งแต่อนุบาล ประถม และมัธยม ปลูกฝังให้เด็กรู้จักแต่การแย่งชิง แข่งขันกันตั้งแต่เล็ก จนเกิดเป็นนิสัย หาหนทางเพียงเพื่อให้ได้ชนะเท่านั้น แต่จะด้วยวิธีใดก็ตาม ขอให้ชนะ จนเด็กในยุคนี้ไม่รู้จักแบ่งปัน เสียสละ ไม่รู้จักการให้ และความเอื้ออาทรซึ่งเป็นวัฒนธรรมเดิมๆของไทยเรา.
ผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่รู้กี่ยุค กี่สมัย ก็ทำได้แค่นี้ ไม่เคยมีความคิดที่จะพัฒนาการศึกษาของเราให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของไทยเรา ลอกเอาของฝรั่งมาทั้งหมด โดยไม่มองว่านิสัย และความเป็นอยู่ของคนไทยนั้นเข้ากันได้กับหลักสูตรของฝรั่งต่างประเทศหรือเปล่า ทั้งโอเน็ต เอเน็ตก็มั่ว จนกระทั่งโดนเด็กฟ้องร้องเอา ..เวรกรรมจริงๆ
วกมาเรื่องดวงบ้าง คนที่เรียนดี สามารถดูได้จากดวงหรือไม่ ? ได้ครับ จากที่สังเกตมาไม่น้อย ดวงใด ถ้ามีดาวพฤหัส(๕)เด่น เช่น เป็นอุจจ์ เกษตร ราชาโชค มักจะมีปัญญาดี สามารถเรียนได้สูงๆ และถ้าสถิตในเรือนศุภะแล้วละก็ มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ ระดับด็อกเตอร์ เลยเชียว
แต่ก็น่าแปลกใจ ไม่ทราบว่าดวงผิด หรือคนผิด บรรดาด็อกเตอร์ทั้งหลายในคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมา กลับไม่ได้สร้างผลงานเป็นที่ประทับใจ สมกับจบจากด็อกเตอร์เลย พับผ่า..!!

ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com
พค.2550

4.แก้ปัญหา..เริ่มที่ชนชั้นกลาง

4. แก้ปัญหา..เริ่มที่ชนชั้นกลาง
รัฐลงทุน เมกกะโปรเจค และต้องช่วยเกษตรกร รากหญ้าก่อน เสียงตะโกนก้องมาตั้งแต่เริ่มมีการตั้งรัฐบาลใหม่ หลัง ๑๙ กันยายน 2549 มาโดยตลอด.
อยากตั้งคำถามว่า..ผู้ใช้แรงงาน และกลุ่มชนชั้นกลาง พ่อค้า แม่ขาย ล่ะครับ...รัฐบาลเอาเขาเหล่านั้นไปไว้ไหน และรัฐให้อะไรแก่เขาบ้าง ? ทั้งๆที่เขาเหล่านั้น เป็นผู้ชำระภาษีมากที่สุด...
การแก้ไขปัญหาของทุกรัฐบาล มักจะเริ่มต้นที่ ช่วยเหลือเกษตรกร ระดับรากหญ้าโดยผ่านหน่วยงาน ซึ่งคงเหมือนกับไอศกรีมแท่ง ที่เรารู้จักกัน กว่าไอศกรีมแท่งนั้นจะไป ถึงมือ.. ถึงปาก.. เกษตรกรรากหญ้า มันคงละลายไปกับหน่วยงานระดับต้นๆ คนละหนุบ คนละหนับ ไปเสียมาก.
ไม่ใช่ว่า ภาคเกษตรกร ไม่สำคัญ แต่ปัจจุบันหลายสิ่งในสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก จากการสำรวจของทางสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ผ่านมา เราพบว่า..ประชากร 65.5 ล้านคน ขณะนี้เป็น แรงงานภาคเกษตรกรมีอยู่ส่วนน้อยประมาณ สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ส่วนแรงงานนอกภาคเกษตรกร มีอยู่ประมาณแปดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ สำหรับแรงงานจริงๆแล้วที่มีอายุระหว่าง 15-60 ปีนั้น เป็นเกษตรกร ประมาณ 15 ล้านคน ภาคแรงงานทางอุตสาหกรรม ลูกจ้างทั่วไป พ่อค้า แม่ค้า มีอยู่ประมาณ 23 ล้านคน ที่เหลือคือ ข้าราชการทุกเหล่า นักเรียน นักศึกษา เด็ก คนชรา อื่นๆ
โครงการเมกกะโปรเจค ส่วนใหญ่ก่อให้เกิดงานในกรุงเทพมหานคร เช่น โครงการรถไฟฟ้า การอัดฉีดเงินจากภาครัฐจนถึงบัดนี้ยังไม่เป็นที่ตกลง การดำเนินโครงการ ยังอืดเป็นเรือเกลือ ไม่เห็นเม็ดเงินตกไปสู่ส่วนใดของประชาชน
สำหรับภาคประชาชนรากหญ้า ที่รอเม็ดเงินมาช่วยด้านต่างๆก็ยังเชื่องช้าเหมือนเดิม
ก่อให้เกิดความขัดสนและขาดสภาพคล่องไปตามๆกัน.
ครับ..นี่คือระเบิดเวลาอีกลูกหนึ่ง ที่กำลังรอจังหวะให้เกิดการระเบิดอยู่ ถ้ารัฐบาลยังไม่สามารถสร้างสภาพคล่องทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ได้ ..คาดว่าปลายเดือนพฤษภาคมนี้ คงเกิดเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ยิ่งดูจากดวงเมืองของเรา จะเห็นการโคจรของดาวอังคาร (๓)จร ในดวงเมือง ตั้งแต่ วันที่ ๘ พฤษภาคมนี้ ดาวอังคารได้ย้ายจากเรือน ลาภะ เข้าเรือนวินาส อาจจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างขึ้นในแวดวง ผู้กุมอำนาจ
ครับ..ดาวอังคาร ดาวแห่งการทหารและการใช้กำลัง ปีนี้ทำหน้าที่ ปุตตะ(การเริ่มต้น) และกัมมะ(การปฏิบัติการ) แฝงความหมายเดิมของกดุมพะ (การเงิน) เริ่มโคจรเข้าเรือนวินาส (การคาดไม่ถึง,อยู่เบื้องหลัง,ลับๆ)ของดวงเมือง..
ผู้กุมอำนาจ เริ่มปฏิบัติ การแนวใหม่ มีการใช้เงินแบบลับๆให้เกิดผลบางอย่างทางการเมืองที่ชาวบ้านอย่างเราๆอาจจะคาดไม่ถึง ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการบริหาร และการเมืองอย่างจริงจัง..
จากการที่ขุนทหารเคยเป็นเป้าให้ฝ่ายตรงข้าม ล่อเป้า จะมีการหลบเข้าสู่หลังฉาก และเกิดการเอาคืนในที่สุด..
และสิ่งน่ากังวลที่สุด คงเป็นประชาชนกลุ่มชนชั้นกลาง ที่ตั้งหน้าตั้งตาประกอบสัมมาอาชีพ จะได้รับผลกระทบจากเกมส์เหล่านี้มากที่สุด เพราะรัฐบาลมักจะมองข้าม และคิดว่าชนชั้นกลางนั้นสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองโดยภาครัฐไม่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ
ถ้ารัฐบาลยังคิดแบบนั้น..
สักวัน..ถ้าชนชั้นกลางล้มครืนลงแล้ว เมื่อนั้นมันจะดึงให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังพินาศตามไปด้วย..!!

ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com
ลงวันที่ ๑๑ พ.ค. ๒๕๕๐

3.จตุคามฯที่พึงสุดท้าย..จริงหรือ??

3. จตุคามฯ ที่พึ่งสุดท้าย ....จริงหรือ ??

วังเวงจริงๆครับ..ช่วงบ่ายวันนี้ ผมลองเดินเล่นในตลาดที่ตัวอำเภอเมือง เพื่อสำรวจชาวบ้านร้านค้า ตลาดต่างจังหวัด ว่าช่วงนี้ธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาแล้ว 7 เดือน โดยรัฐบาลชุด ฤษีเลี้ยงเต่า ซึ่งปรากฏว่า ทั้งฤษีเฒ่า และเต่าชรา ไม่สามารถแก้ปัญหา ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมได้เลย การทำอะไรดูมันจะเชื่องช้าไปเสียหมด เพราะมัวแต่เกรงกลัวอำนาจเก่า หาวิธีจัดการกับ กลุ่มอำนาจเก่า โดยละเลยปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งชาวบ้านกำลังเดือดร้อนจากความเป็นอยู่ การทำมาหากิน เป็นเหตุให้ชาวบ้านเอือมระอา ไม่หวังพึ่งทางการอีกแล้ว..
จตุคาม-รามเทพ..ที่พึ่งใหม่ของประชาชน
ถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ในประเทศไทยเลยจริงๆ ไม่เคยมียุคใดที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และองค์เทพ จะทรงอิทธิพลต่อประชาชนถึงขนาดนี้.. ก่อนหน้านี้ กลุ่มพวกที่เล่นพระเท่านั้น ที่สนใจต่อการปลุกเสก วัตถุมงคล ปั่นราคากันในหมู่เซียนพระ และวงการพระเท่านั้น แต่ในยุคนี้ ชาวบ้านร้านตลาด ชนชั้นกลาง แม้กระทั่งเกษตรกร ก็หันมาให้ความสนใจ วัตถุมงคลเหล่านี้อย่างเอาเป็นเอาตาย ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น..
ประชาชนหมดที่พึ่งแล้วหรือ …!?
ครับ..คงเป็นเช่นนั้นจริง สอบถามพ่อค้า แม่ขายตามร้านตลาด ทุกคนบ่นกันพรึม ขายไม่ดี ขายไม่ได้ เคยขายของกันวันละ หลายพัน หลายหมื่นบาทต่อวัน เดี๋ยวนี้ จะขายได้สักพัน สองพันบาทก็ยาก ดังนั้นที่พึ่งง่ายที่สุดก็ไม่พ้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นความหวังสุดท้าย ตามแบบฉบับความเชื่อแบบไทยๆ ซึ่งเข้าใจว่าจะช่วยเขาได้ในยามที่ มองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้..
และ..สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั้นคงไม่พ้น จตุคาม-รามเทพ ที่ว่ากันว่าจะนำความร่ำรวยมาสู่ตนเอง และครอบครัว เห็นได้จาก ชื่อของการสร้างแต่ละรุ่น ล้วนแต่ให้ความสำคัญ
แต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง เช่นรุ่นเงินไหลมา รุ่นโคตรเศรษฐี รุ่นโคตรอภิมหาเศรษฐี รุ่นรวยเจ็ดชั่วโคตร ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ยุยงส่งเสริมให้ประชาชนให้ความสำคัญของทรัพย์สินเงินทอง และความร่ำรวย..
ต้องจำไว้อย่างหนึ่ง.. เวลาใดก็ตามที่ประชาชนขาดที่พึ่งอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เขาเหล่านั้น จะแสวงหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริย์ เพื่อที่เพิ่มความหวังทางจิตใจ ให้เขาได้มีความฝันที่จะร่ำรวย แม้จะเป็นส่วนน้อยนิดก็ตาม ....
หวย...ที่พึ่งลำดับต่อมา.. คงได้สังเกตเห็นกันแล้วว่า ขณะนี้ ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล ราคาขึ้นไปถึง ใบละ 100.- จนถึง 125.- นับว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่อีกเช่นกัน ในรัฐบาลชุดฤษีเฒ่า และเต่าชรา หลังจากที่ชาวบ้านไขว่คว้า จนได้มีองค์จตุคาม-รามเทพแล้ว สิ่งที่ชาวบ้านจะหวังต่อไปก็คือหวย เพราะมีจตุคาม-รามเทพแล้ว ต้องขอ.. ครับ ต้องขอต่อองค์เทพ เพื่อดลบันดาลให้ตนได้ถูกหวย รวยทรัพย์ ตามชื่อรุ่นที่ตนมีไว้ครอบครอง จึงเป็นเหตุให้ราคาหวยขึ้นเอา ขึ้นเอา ..??
จากฉบับวันศุกร์ที่แล้ว ๒๗ เมษายน ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้กล่าวถึง ดาวมฤตยู(๐) เป็นตัวแทนของอภิอำนาจ และยังหมายถึง วิญญาณความเก่าแก่ เมื่อสถิตที่เรือนลาภะของดวงเมือง ย่อมให้ความหมายถึง จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นวิญญาณเก่า มาปลุกกระแสให้เกิดลาภผล อย่างน้อยก็เป็นส่วนหนึ่งของ จี ดี พี ของประเทศเรา ที่กระเตื้องขึ้น ว่ากันว่า ระดับ เป็นหมื่นๆล้านเลยเชียว.
มีคำถามว่า กระแสความแรงของจตุคาม-รามเทพ นั้นจะคงอยู่ไปอีกนานเท่าใด
ผู้เขียนเชื่อว่า กระแสนี้จะคงอยู่ไป ตลอดปีนี้ แต่ไม่น่าจะเกินปลายปีหน้า
เพราะ..ดาวมฤตยูจะออกจากเรือน ลาภะ ของดวงเมือง ประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๕๒
ซึ่งตอนนั้น เราคงมีรัฐบาลชุดใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้ง ที่สมบูรณ์ เป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มใบเสียที และเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้ โดยไม่ต้องมาพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดั่งองค์เทพในปัจจุบัน !!

ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com

พค.2550

2.ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน

2. ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน
คำว่า “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” เป็นคำกล่าวที่เราได้ยินมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
แต่โบร่ำโบราณ ท่านเคยคิดบ้างไหมว่า มีความเป็นมาอย่างไร ......
นักโหราศาสตร์ แต่โบราณได้ สังเกตจากดวงชะตาทั้งหลายของมนุษย์ ตลอดทั้งชีวิต มักจะมีความเจริญ รุ่งเรือง และ เสื่อมโทรม ตกอับสลับกันไป บางจังหวะของชีวิต ก็ดีเลิศ จับอะไร ทำอะไร มักจะดีไปซะหมด บางจังหวะของชีวิต ถึงจะวางแผนไว้อย่างแนบเนียน วิเคราะห์การตลาดอย่างดีเยี่ยม แต่..ทำอะไร มันให้ล้มเหลวไปอย่างไม่เป็นท่าเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งการบริหารประเทศ บางจังหวะ ทั้งการเมือง การค้า เศรษฐกิจและสังคม เวลามันจะดี อะไรๆ ก็ดูดีไปทั้งหมด เวลาแย่ ก็ดูมันจะแย่เสียทุกๆอย่าง ดังเช่นช่วงเวลานี้ ของประเทศไทยเรา...
มันเกิดอะไรขึ้นครับ ...
ดวงเมืองไทยของเราก็เช่นกัน..มีรุ่งเรือง ราบรื่น ร่มเย็น มีเสื่อมสลาย มีทุกข์เข็น
ดวงเมือง นอกจากมี ดาวดวงใหญ่ๆ ๓ ดวง คือ..ดาวพฤหัส(๕) ดาวเสาร์(๗)และดาวราหู(๘)
ที่ส่งผลกระทบ ต่อบ้านเมืองในระยะสั้น ช่วง ๑-๒ ปีแล้ว ยังมีดาวมฤตยู(๐) ที่จะส่งผลกระทบ
เป็นระยะยาวโดยเฉลี่ย ประมาณ ๗ ปี เพราะ ดาวมฤตยูนั้น เมื่อสถิตราศีใดก็ตามจะกดนิ่งในราศีนั้นๆ เป็นประมาณเวลา ๗ ปี.. ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ไปเรื่อยๆแบบชนิดสะสมพลัง อาจจะ ต้นร้าย ปลายดี หรือ ต้นดี ปลายร้าย ต้องแล้วแต่ภพ เรือนนั้นๆ เป็นตัวส่งผล แล้วจึงระเบิดออกมาแบบเปรี๊ยงปร้าง และ คงเป็นความโชคร้ายของประเทศไทย
ขณะนี้ ดาวมฤตยู(๐)ยังคงสถิตอยู่ในเรือนลาภะ ของ ดวงเมือง ซึ่งความจริงแล้ว ดาวมฤตยูนี้ เข้าเรือน ลาภะของดวงเมือง ก็คือราศีกุมภ์ ตั้งแต่ วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ แล้ว นับแล้วประมาณ ๕ ปี เริ่มสะสมพลังไปเรื่อยๆในเรือนลาภะ ( เรือนลาภะ มีความหมายถึง ความหวัง ความสำเร็จ ความเจริญ รุ่งเรือง ) (ผู้เขียนพยายามจะแปลความหมายของ ดาว และภพเรือนของดวงเมือง เพื่อให้เกิดความสนุก เข้าใจในการอ่านดวง และติดตามครับ)
ดาวมฤตยู (๐).... เจ้าแห่งความอาเพศ วิปริต คาดไม่ถึงและการเปลี่ยนแปลง
โหราศาสตร์ให้ความหมาย ดาวมฤตยู(๐) มีทั้งให้คุณ และให้โทษ เป็นอภิอำนาจนอกเหนือธรรมชาติ มีความหมายไปในทาง อาเพศ วิปริต แปรปรวน คาดไม่ถึง หรือการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน และอาจหมายถึง การดับสูญ คือดับไปก่อนแล้วเกิดใหม่ บางตำรา บอกว่า คือ วิญญาณ ความเก่าแก่นมนาน สิ่งที่ล่วงแล้วเป็นอดีต ความชักช้าเนิ่นนาน
ดาวมฤตยู(๐) ในดวงเมืองนั้น สถิตที่เรือน สุหัสชะเดิม (สุหัสชะ หมายถึง เพื่อน สังคมประชาชน การเปลี่ยนแปลงปรับปรุง การชุมนุม ฯลฯ )
ดังนั้น เมื่อ ดาวมฤตยู(๐) กดนิ่งอยู่ที่เรือน ลาภะ
ดาวมฤตยู(๐)+ ลาภะ
เราอ่านความหมายทางโหราศาสตร์ได้ว่า..
อาเพศ วิปริต คาดไม่ถึง + ความหวัง ความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง+สังคม การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง
เป็นที่สังเกตอย่างเห็นได้ชัดว่า หลายๆปีที่ผ่านมานั้น ประเทศเรา มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง อย่างมากมาย ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งนี้ก็เป็นไปตามความหมายของดวงดาวที่ สถิตอยู่
เราจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ๕ ปีที่ผ่านมานี้ มีทั้ง สิ่งดีๆ สิ่งไม่ดี และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดเวลาที่รัฐบาลชุดที่แล้วบริหารประเทศอยู่ มีสิ่งดีๆให้เห็นอยู่ก็มาก หรือสิ่งที่บ่งบอกว่าไม่ดีก็ไม่ใช่น้อย..
แต่ใครจะไปคิดและคาดไปถึงว่า..... ปี พ.ศ.๒๕๔๙ ประเทศไทยยังมีการปฏิวัติ รัฐประหารยึดอำนาจ ซึ่งความจริง เหตุการณ์ แบบนี้น่าจะเกิดที่ ประเทศเขมร หรือพม่า มากกว่า
ครับ....นี่คือ ความวิปริต อาเพศของดาวมฤตยูเขาล่ะ.. ที่ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
ไปทำลาย ความหวัง ความเจริญรุ่งเรือง ของประเทศชาติ ก่อให้เกิดเหตุการณ์ ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น.
และ ดาวมฤตยูนี้ ยังคงสถิตนิ่งอยู่ในเรือนลาภะนี้ อีกเป็นเวลา ๑ ปีกว่าๆ ซึ่งกว่าจะย้ายออกจากเรือนลาภะ ก็ประมาณเดือน มีนาคม ๒๕๕๒
นึกภาพกันออกหรือยังว่า....อนาคต ผู้บริหารรัฐบาลไทยคงต้องตระเวนไปขอดูงานจาก เขมรและพม่า เพื่อกลับมาพัฒนาประเทศชาติกันต่อไป..
และคำว่า “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” คงต้องตัดคำว่า “ดีเจ็ดหน”ออกไปจากคำกล่าวโบราณนั้น ได้แล้ว สำหรับประเทศไทย...ในระยะ ๒ ปีข้างหน้านี้ ....!!

ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com
เมษายน 2550

1.ดวงเมืองหลังสงกรานต์ 2550 โดย ปาฏิหารย์

ดวงเมืองหลังสงกรานต์ ยังคงอ่อนไหวไม่แน่นอน ...ต้องจับตา..
หลังวันที่ 21 เม.ย. 2550 นี้แล้ว กรุงเทพมหานครของเราก็จะมีอายุก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 225 ขวบปี ตามหลักโหราศาสตร์จะถือว่าลัคนาจรหรืออายุจร ของดวงเมือง เข้าสู่ราศี กรกฎ ซึ่งเป็นภพที่ 4 ของดวงเมือง อันเป็นภพพันธุ แห่งลัคนาเมือง และส่วนเจ้าเรือนตนุจรปีนี้ นั้น คือดาวจันทร์(๒)สถิตที่ภพพันธุเช่นกัน..
แล้ว..จะเกิดอะไรขึ้น..หลังสงกรานต์ปีนี้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๑ เม.ย.๒๕๕๐ จนถึง วันที่ ๒๐ เม.ย.๒๕๕๑ ช่วงหนึ่งขวบปีต่อจากนี้ไป
ก่อนอื่น..เราจะดูจาก ลัคนาจรของดวงเมืองหรือ ตนุจร(ตัวตนของดวงเมืองหมายถึงรัฐบาล) ปีนี้ ตกภพพันธุ ให้ความหมายทางเหตุการณ์ คือ ผูกพันธุ์ พันธะสัญญา ความต่อเนื่อง
สำหรับ เจ้าเรือนตนุจรปีนี้คือ ดาวจันทร์(๒) ความหมายทางโหราศาสตร์นั้น เป็นไปในทางอ่อนไหว เปลี่ยนแปลงได้ง่าย นุ่มนวล ละเมียดละมัย
ดูจากดวงเมืองแล้ว ในราศีกรกฎ ดาวจันทร์เป็นเกษตร ไม่มีดาวดวงใดกุม หรือเล็งอยู่เลย จึงทำให้แน่ใจได้ว่าดวงเมืองหลังสงกรานต์ปีนี้ (๒๑ เม.ย.๕๐ ถึง ๒๐ เม.ย.๕๑) นั้น จะค่อนข้างอ่อนไหว ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง ส่วนอีกความหมายหนึ่งของดาวจันทร์ นั้น ก็คือตัวแทนของสตรีเพศ ฉะนั้น...แม้นจะเป็นชายก็จะมีลักษณะแนวโน้มทางคุณสมบัติของสตรี คือ นุ่มนวล เรียบร้อย สุภาพ ดังนั้นในช่วงขวบปีนี้ ผู้บริหารประเทศ-รัฐบาล มักจะมีแนวโน้มออกทางนุ่มนวล ชอบประสานงาน มากกว่าประสานงา ดาวจันทร์ยังเป็นธาตุดิน อันหมายถึง ทรัพย์ สินเงินทองเศรษฐกิจ ของราษฎร ทั่วๆไป นั่นหมายถึงเศรษฐกิจของประชาชนทั่วๆไป เริ่มจะมองเห็นแสงสว่างรำไรที่ปลายอุโมงค์
แต่...ยัง..ยังครับ..ยังไม่ใช่ช่วงระยะเวลานี้แน่นอน เพราะ....ดาวเสาร์ยังทับอยู่ในภพพันธุ
โน่น..แหละครับ เลยวันที่ ๑๐ สิงหาคมปีนี้ไปก่อน ทุกอย่างจึงจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ...
ผลกระทบจากดาวใหญ่ ๓ ดวง ต่อดวงเมือง
นักโหราศาสตร์จะดูดวงเมือง จากดาวดวงใหญ่ 3 ดวง คือ..
ดาวพฤหัส(๕) ดาวเสาร์(๗) และดาวราหู(๘)
ทำไม..ต้องดู เฉพาะดาว ๓ ดวงนี้..
ครับ....ดาว ๓ ดวงนี้ เวลาสถิตอยู่ราศีไหนก็ตาม ก็จะกดนิ่ง อยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน จนกระทั่งส่งผลแห่งการกดนิ่งอยู่นั้น ให้ปรากฏเหตุการณ์ จะดีหรือร้าย ก็แล้วแต่ผลแห่งคุณและโทษ ของดาวดวงนั้นๆ ต่อเรือนชะตาในภพนั้น.....
ดาวพฤหัส(๕) ดาวศุภเคราะห์ พระเอกขี่ม้าขาวกำลังติดหล่ม
ดาวพฤหัส( ๕ ) ตกเรือนมรณะ กับดวงเมือง จะทำให้บ้านเมืองวิกฤต นักวิชาการ
คณะรัฐมนตรี กำลังบอดมืดกับความคิดอันสับสนของตนเอง ความคิดที่เคยกระจ่างใสกลับมืดมัวไปด้วยกิเลสของตนเอง และจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ต้องจากไป จากเป็น หรือจากตาย อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ ดวงของแต่ละท่าน
การแก้ปัญหาในช่วงที่ ดาวพฤหัสตกที่เสีย(ทุรสถาน) ในภพมรณะ ต้องแก้ปัญหาด้วยการมองมุมกลับ เคยแก้ปัญหาแบบธรรมดา ลองเปลี่ยนแบบย้อนศรดูบ้างเป็นไร..
ดาวเสาร์ (๗)ดาวแห่ง โทษและทุกข์
ดาวเสาร์ ปีนี้ ทำหน้าที่ปัตนิจร หมายถึงผู้ร่วมงาน ผู้แบ่งเบาภาระ เกาะกุมอยู่ที่เรือนพันธุในราศีกรกฎ ส่งผลให้การปฏิบัติการของข้ารัฐการประจำ เกิดความหาวเรอ อึดอัด ไม่คล่องตัว เนื่องจากความไม่แน่นอนของรัฐบาล
แม้นการเลือกตั้งที่บอกว่าจะมีขึ้นปลายปีนั้น ก็ไม่แน่นอน อาจจะเกิดความขลุกขลัก ล่าช้า... แต่..ดาวเสาร์มีส่วนดีอยู่บ้าง คือดาวแห่งการประหยัด มัธยัสถ์ ทำให้ประชาชนเริ่มรู้จักตนเอง รู้จักการใช้การจ่ายแบบไม่ฟุ่มเฟือย หลังวันที่ ๑๐ สิงหาไปแล้ว ดาวเสาร์ย้ายเข้าเรือนปุตตะ(หมายถึง การเริ่มต้นใหม่) ระบบเศรษฐกิจพอเพียงจะถูกนำมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม ....และจริงจัง..
ดาวราหู(๘) ดาวแห่งความมัวเมา
ดาวราหูปีนี้ทำหน้าที่..เจ้าเรือนมรณะจร เข้าสถิต ภพลาภะ (ลาภผล) ทำให้ประชาชนขาดที่ยึดเหนี่ยว หมดที่พึ่ง หันเข้าหา เรื่องหวย สิ่งศักดิ์สิทธ์ สร้างความหวังลมๆแล้งๆไปวันๆ
ครับ..สิ่งที่ผู้บริหารประเทศ ต้องจดจำไว้คือ..ระบบการเมืองและเศรษฐกิจต้องไปพร้อมๆกัน ระบบการเมืองจะดีได้นั้น ต้องมีระบบเศรษฐกิจที่ มั่นคงก่อน ถ้าประชาชนทุกวันนี้ยัง หงุดหงิดกับ การทำมาหากินที่ ไร้อนาคต หวังลมๆแล้งกับ หวย และพึ่งพิงต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ แล้ว...การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นปลายปีคงเป็นแค่... ละครแก้บน ที่ไม่สามารถทำให้ ประเทศไทยพัฒนาประชาธิปไตยไปได้เลย..

ปาฏิหาริย์
Rahoo89@gmail.com

ลงใน นสพ.โลกวันนี้ วันศุกร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๐

เสวนาเรื่องการประกันภัยในยุคปัจุบัน

21-03-2553
การเสวนาที่โรงแรมไพลิน เวลา 13.30 น. คนฟังประมาณ 200 คน
ร่วมกับ สนง.ประกันภัยจังหวัดพิษณุโลก
โดย ปาฏิหารย์ ประกาศสัจธรรม

“ความสำคัญของการประกันภัยต่อการประกอบธุรกิจในยุคการค้าเสรี”

1.การประกันภัย ในมุมมองของเรา
สมัยก่อนการประกันภัยเรารู้กันเพียงแต่ว่า การประกันไฟ การประกันชีวิต แถมยังมีการบอก ราวกับว่าเป็นการขายสินค้าเช่น ถ้าเสีย แขน จะได้กี่บาท ถ้าเสียตาข้างเดียวจะได้ตังเท่าไหร่ ทำอย่างกับว่า นำอวัยวะมาขาย เป็นชิ้นๆ
แต่ในการประกันภัยในปัจจุบันนั้น กับมีการเสนอขายที่ ดูดียิ่งขึ้น

2.ยุทธศาสตร์ของภาคธุรกิจในยุคการค้าเสรีของประเทศเรา
- ภาคธุรกิจ
การค้าขายในยุคปัจจุบัน มีการค้าแบบ ไร้พรมแดน มีการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น ถ้าโฟกัสให้เล็กลงมาหน่อยก็ ระดับภูมิภาค กับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง อาจจะมีการขนส่ง ระดับภูมิภาค มีการประกันภัยในระดับนี้หรือไม่ เช่นส่งสินค้าไปทางรถยนต์ ไปลาว หรือเวียดนาม เพราะเมื่อก่อนเราเห็นแต่การประกันภัยทางทะเล

- ภาคเกษตร
การประกันภัย คิดกันแล้วหรือยังเรื่องเกี่ยวกับ การรับประกันราคาพืชผลการเกษตร การประกันความเสียหาย จากการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

3. ธุรกิจที่จะเกิดขึ้นใหม่ในยุดการค้าเสรี
- แนวโน้ม คนเราจะอยู่ในบ้านมากขึ้น การติดต่อซื้อขาย ผ่านเครื่องมือต่างๆในโลกไซเบอร์ ไม่ต้องออกไปหาซื้อสินค้าในโลกจริงๆ อาจจะซื้อหาในโลกไซเบอร์โดยซื้อขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต แม้นกระทั่งการประกันภัย ประกันชีวิต หลายๆท่านคงได้รับอีเมล์เสนอขาย ประกันภัย พรบ. ประกันชีวิตทาง อินเตอร์เน็ต แม้นคนในยุคเราๆ แก่ๆ อาจจะไม่สนใจ เพราะเรา ได้พบกับคนมานำเสนอจริงมามากแล้ว ดังนั้นการนำเสนอทาง อีเมล์ อาจจะไม่สนใจ แต่ คนรุ่นใหม่ล่ะ ท่านทราบหรือไม่ว่า การซื้อสินค้า ในเวปไซค์ ในปัจจุบันนี้ มีการขยายตัวไปอย่างมหาศาล
- การค้าในโลกไซเบอร์ ปัญหา อยู่ที่ความไว้วางใจในการค้าของคู่ค้าทั้งสองฝ่าย น่าจะหาคนประกันทางด้านนี้ บ.ประกัน ควรคิดวิธี หรือ ผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา

4. การประกันภัยในยุคการค้าเสรี
- แนวโน้ม
การประกันภัยในยุคนี้ เพื่อก้าวให้ทันในยุดการค้าเสรีนี้ น่าจะมีการหา นวัตกรรมใหม่ ควบคู่ กับการทำธุรกิจ ยุคใหม่นี้ด้วย
- ผลิตภัณฑ์ใหม่
- การประกันภัย ธุรกิจ ในเวปไซค์
- การประกันสินค้าที่ต้องส่งให้ถือมือลูกค้า
- การประกันการเสียหายจากการขนส่ง
- การประกันการชำระเงิน ของคู่ค้า
- การประกันภัย ธุรกิจ ระหว่างประเทศใกล้เคียง
- การประกันภัยเรื่องการผ่านแดน ระหว่างอนุภูมิภาค ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน




พัฒนาเพื่อเป็นเมืองบริการที่หลากหลาย (Servince City)และมีความปลอดกัย (Safe City)
เป้าประสงค์
เป็นศูนย์กลางบริการด้านการส่งสินค้าและผู้โดยสาร
เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ของภาคเหนือตอนล่าง
เป็นศูนย์บริการด้านสุขภาพที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นจังหวัดที่ประชาชนมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง (Healthy Province)เพื่อเสริมสร้างไปสู่ความเป็นประเทศไทยแข็งแรง (Healthy Thailand)
ภาครัฐและเอกชนมีการบริการที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ
เกษตรกร และองค์กรเกษตรกรมีการจัดการผลิตการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพ ตามความต้องการของตลาด
เป็นศูนย์กลางจัดการประชุมภาคเหนือตอนล่าง และระดับประเทศ ตลอดจนใหการบริการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด
เป็นเมืองที่มีความสะอาด สวยงาม ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
เป็นเมืองที่ชุมชนมีความเข้มแข็งยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม